แผนการจัดกิจกรรมแนะแนว หมายถึง แนวทางการดำเนินกิจกรรมแนะแนวที่มีขอบข่ายครอบคลุม
การแนะแนวด้านอาชีพ ด้านการศึกษา
ด้านส่วนตัวและสังคม หรือนอกเหนือจากนี้ตามความต้องการของผู้จัดทำเพื่อให้การจัดกิจกรรมมีทิศทางตามที่กำหนดไว้
ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามขั้นตอนกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ
การแนะแนวดีจึงควรให้ครอบคลุม 5 บริการเพื่อประโยชน์ต่อตัวบุคคลคือ ผู้เรียน เพื่อประโยชน์ต่อองค์กรทางการศึกษา
คือ มีฐานข้อมูลในการพัฒนาการศึกษาและช่วยเหลือผู้เรียนอย่างเป็นระบบ
การแนะแนวที่ดีจึงควรให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลขั้นพื้นฐานเพื่อช่วยเหลือผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องการแนะแนวโดยพื้นฐานต้องให้ความสำคัญกับทุก
ๆ คน ที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษานั้น
ๆ การมีข้อมูลของผู้เรียนมากยิ่งเป็นประโยชน์ สามารถนำข้อมูลต่างๆ มาช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียน
1. บริการศึกษาเด็กรายบุคคล
|
|
เป็นการรวบรวมข้อมูลของนักเรียนเป็นรายบุคคล ด้วยวิธีการต่างๆ
เพื่อการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล นำไปสู่การช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบ
|
|
2. บริการสนเทศ
|
|
เป็นบริการที่ให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม
โดยวิธีการต่างๆ ทั้งในรูปแบบบริการปกติและโครงการต่างๆ
ทำให้นักเรียนมีข้อมูลที่ทันสมัยใช้ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
|
|
3.
บริการให้การปรึกษา
|
|
เป็นการให้ความช่วยเหลือทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม
ด้วยคณาจารย์งานแนะแนวและทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เช่น พยาบาล
นักจิตวิทยาและจิตแพทย์
|
|
4.
บริการจัดวางตัวบุคคล
|
|
เป็นการช่วยเหลือ ป้องกัน แก้ไข
และส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ให้เต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
และให้ความช่วยเหลือในกรณีขัดสนต่างๆ เช่น ทุนการศึกษา ฯลฯ
|
|
5.
บริการติดตามผลและประเมินผล
|
|
เป็นการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานที่ทำไว้ เพื่อค้นหาข้อสรุป
ข้อบกพร่อง เพื่อนำมาปรับปรุงงานบริการต่อไป
|
|
นอกจากนี้งานแนะแนว ยังร่วมกับคณะกรรมระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ในการช่วยเหลือ ป้องกัน แก้ไข พัฒนาและส่งเสริมนักเรียนได้เต็มศักยภาพ
ส่งผลให้นักเรียน เก่ง ดี มีสุข
ตามเป้าหมายของการศึกษาและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติสืบไป
|
|
บริการแนะแนวการศึกษาและอาชีพ เป็นบริการสำคัญที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเพื่อช่วยให้นักศึกษาสามารถศึกษาด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยกระบวนการให้การปรึกษาและแนะแนว ด้าน วิธีการศึกษาด้วยตนเอง การจัดเวลาเรียน
การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาทางไกล
การแนะแนวอาชีพ และการศึกษาต่อในระดับสูงตลอดจนปัญหาทางด้านส่วนตัว อารมณ์ สังคม
ทั้งนี้
มหาวิทยาลัยได้จัดบริการแนะแนวการศึกษาและอาชีพในรูปแบบของสื่อการแนะแนวการศึกษา,
กิจกรรมแนะแนวการศึกษา และการให้การปรึกษาแนะแนวเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม
|
1. ความหมายของบริการสนเทศ
บริการสารสนเทศ หมายถึง งานบริการที่ให้ข้อมูลอย่างละเอียดลึกซึ้ง ช่วยค้นหา
ข้อมูลหรือเรื่องราวในสาขาวิชาต่าง ๆ ให้บริการหลายประเภท เช่น บริการจัดทำ ดรรชนีและสาระสังเขปบริการเลือกสรรสารสนเทศเฉพาะบุคคล
บริการข่าวสารทันสมัย เป็นต้น และยังต้องติดต่อกับศูนย์เอกสารและศูนย์สารสนเทศต่าง
ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลตามความต้องการของผู้ใช้ ในการค้นหา ข้อมูลโดยใช้ information
sources นั้น นอกจากจะเป็นเอกสารสิ่งพิมพ์แล้ว information
sources ยังรวมถึงสารสนเทศที่อยู่ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์
สามารถค้นข้อมูลออกมาในรูปบรรณานุกรม และเนื้อหาเต็มฉบับ (fulltext)บริการสารสนเทศมีจุดมุ่งหมายต้องการให้ผู้ใช้ได้รับสารสนเทศที่ถูกต้อง
สมบูรณ์วดเร็ว และตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
2. หลักการของบริการสนเทศ
หลักการของบริการสนเทศจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1.ความถูกต้อง
2.มีความสมบูรณ์
3.เชื่อถือได้
4.ต้องตรงประเด็น
5.ชัดเจน เข้าใจจ่าย
6.ต้องทันเวลา
3.ประเภทของบริการสนเทศ
ในการให้ข้อสนเทศนั้นสามารถแบ่งข้อสนเทศออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
1. ข้อสนเทศทางด้านการศึกษา
( education information) หมายถึง การให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับโอกาสและข้อกำหนดต่างๆ
ทางด้านการศึกษาหรือการฝึกฝนรวมทั้งหลักสตรู สถานภาพและปัญหาต่างๆ ของชีวิตการเรียน
ข้อสนเทศทางการศึกษาอาจประกอบไปด้วยสาระต่างๆ
1.สถานที่เรียน
2.หลักสตรูที่เปิดสอนหรืออบรม
3.โครงสร้างหลักสตรู รายวิชาเรียน
4.ค่าใช้จ่ายในการเรียน ที่พักอาศัย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
5.กิจกรรมต่างๆ ที่มีในสถาบัน
6.การดำรงชีวิตอยู่ในสถาบัน
7.โอการทางการศึกษาหลังสำเร็จจากสถาบัน
8.โอการในการทำงานหลังจากสำเร็จจากสถาบัน
2. ข้อสนเทศทางการอาชีพ
(vocational information) หมายถึง การให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ทางด้านการงาน
คุณสมบัติของบุคคลที่จะเข้าไปทำงาน สถานภาพและคุณลักษณะของการทำงานความก้าวหน้าและสิ่งตอบแทนในการงาน ข้อสนเทศดังกล่าวจะต้องเป็นข้อข้อมูลที่มีความเที่ยงตรงและเป็นประโยชน์ต่อการเลือกอาชีพของเด็กทุกคน
3. ข้อสนเทศทางด้านส่วนและด้านสังคม
(social information) หมายถึง การให้ข้อสนเทศที่เกี่ยวกับโอกาสและอิทธิพลของสิ่งแวดแล้วต่างๆ ที่มีต่อบุคคลและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งจะช่วยให้เด็กเข้าใจตนเองได้ดีขึ้น และสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและบุคคลอื่นๆ ในสังคม
4.เทคนิควิธีการในการให้บริการสนเทศ
เทคนิควิธีการในการให้บริการสนเทศมีดังต่อไปนี้
1. การให้ข้อสนเทศเป็นรายบุคคล คือ การสัมภาษณ์เพื่อให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อสนเทศต่างๆ
ปัญหาการไม่รู้กระจ่างแจ้งเกี่ยวกับข้อสนเทศต่างๆ
ปัญหาการไม่รู้จักหรือไม่แน่ใจกับตนเองในเรื่องต่างๆ
ปัญหาความไม่สามารถต่อการเลือกและตัดสินใจในการเลือกศึกษาอาชีพและปรับตัวตัวในสังคม เป็นต้น
2. การให้ข้อสนเทศเป็นกลุ่ม คือ เป็นวิธีการที่สำคัญและจำเป็นต้องจัดเพราะเท่ากับเป็นการแนะแนวนักเรียนทุกคน
ส่วนใหญ่จะมุ่งเสนอในรูปแบบของกิจกรรม ได้แก่ รายการวิทยุ โทรทัศน์ การปฐมนิเทศ เป็นต้น
ความหมายบริการให้คำปรึกษา (Counseling Service)
บริการให้คำปรึกษานับว่าเป็น “หัวใจของบริการแนะแนว” ซึ่งถือว่าเป็นบริการที่สำคัญที่สุดในบริการแนะแนว การบริการแนะแนวที่จัดขึ้นในสถานศึกษาจะขาดบริการให้คำปรึกษาเสียมิได้
บริการให้คำปรึกษา จึงเป็นบริการที่ทุกคนรู้จักดี บางครั้งมีผู้สับสนว่าบริการแนะแนวก็คือ บริการให้คำปรึกษานั่นเอง ทั้งนี้เพราะบริการแนะแนวจะจัดบริการให้คำปรึกษาอย่างเป็นทางการ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าบริการอื่น ๆ ความจริงแล้วการบริการให้คำปรึกษานั้นเป็นบริการหนึ่งของบริการแนะแนว
บริการให้คำปรึกษานับว่าเป็น “หัวใจของบริการแนะแนว” ซึ่งถือว่าเป็นบริการที่สำคัญที่สุดในบริการแนะแนว การบริการแนะแนวที่จัดขึ้นในสถานศึกษาจะขาดบริการให้คำปรึกษาเสียมิได้
บริการให้คำปรึกษา จึงเป็นบริการที่ทุกคนรู้จักดี บางครั้งมีผู้สับสนว่าบริการแนะแนวก็คือ บริการให้คำปรึกษานั่นเอง ทั้งนี้เพราะบริการแนะแนวจะจัดบริการให้คำปรึกษาอย่างเป็นทางการ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าบริการอื่น ๆ ความจริงแล้วการบริการให้คำปรึกษานั้นเป็นบริการหนึ่งของบริการแนะแนว
หลักการให้คำปรึกษา
การให้คำปรึกษา
เป็นการช่วยเหลือรูปแบบหนึ่ง ที่อาศัยความสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างผู้ให้คำปรึกษาและผู้รับการปรึกษา
เพื่อให้ผู้รับการปรึกษาเกิดความเข้าใจตนเอง เข้าใจปัญหา ได้ความรู้และทางเลือกในการแก้ปัญหานั้นอย่างเพียงพอมีสภาพอารมณ์และจิตใจที่พร้อมจะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง
วัตถุประสงค์ของการให้คำปรึกษา จึงประกอบด้วยการช่วยให้วัยรุ่น
1. เกิดแรงจูงใจที่จะให้ข้อมูล
2. เข้าใจและเห็นปัญหาของตนเอง
3. อยากแก้ไขปัญหา
หรือพัฒนาตนเอง
4. ดำเนินการแก้ไขปัญหา
หรือพัฒนาตนเอง
ประเภทของการให้คำปรึกษา
การให้คำปรึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
1. การให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล (Individual
Counseling)
การให้คำปรึกษาประเภทนี้เป็นแบบที่ได้รับความนิยม และถูกนำมาใช้ในหน่วยงานต่าง
ๆ การให้คำปรึกษาจะเป็นการพบกันระหว่างผู้ให้คำปรึกษา 1 คน กับผู้ขอคำปรึกษา 1
คน โดยร่วมมือกัน การให้คำปรึกษาแบบนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้ผู้ขอรับคำปรึกษาให้สามารถเข้าใจตนเอง
เข้าใจปัญหา และสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง หรือเพื่อให้สมาชิกในองค์การ
เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น ทำให้คนในองค์การได้ตระหนักถึงความรู้สึกเกี่ยวกับปฏิกิริยาและการแสดงออกของอารมณ์ของตนและผู้อื่น
เข้าใจความสำคัญของทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม แรงจูงใจ พฤติกรรมต่าง
ๆของบุคคล เข้าใจความสำคัญของการเสริมแรงและการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
คนสามารถกำหนดเป้าหมายและการประพฤติปฏิบัติของตนเองได้
2. การให้คำปรึกษาแบบกลุ่ม (Group Counseling)
การให้คำปรึกษาประเภทนี้ หรืออาจเรียกว่าการให้คำปรึกษาเชิงกระบวนการ เป็นกระบวนการที่บุคคลที่มีความต้องการหรือปัญหาที่คล้ายกันหรือตรงกัน
ต้องการปรับปรุงตนเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือต้องการจะแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งร่วมกัน
มารวมกันเป็นกลุ่มเพื่อปรึกษาหารือซึ่งกันและกันโดยมีผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้ช่วยเหลือกลุ่ม
สมาชิกในกลุ่มประมาณ 7 - 9 คน
ต่อผู้ให้คำปรึกษา 1 คนสมาชิกในกลุ่มเป็นผู้พิจารณากำหนดปัญหา
แสดงออกเกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดเห็นของแต่ละคนเป็นการได้ระบายความรู้สึกและความคิดเห็นของแต่ละคน
เป็นการได้ระบายความรู้สึกขัดแย้งในจิตใจได้สำรวจตนเอง ได้ฝึกการยอมรับตนเอง
กล้าที่จะเผชิญปัญหาและได้ใช้ความคิดในการแก้ปัญหา
หรือปรับปรุงตนเองกับทั้งที่ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และได้ตระหนักว่าผู้อื่นก็มีความขัดแย้งหรือความคิดเห็นเช่นเดียวกับตนไม่ใช่เขาคนเดียวที่มีปัญหา
เทคนิคการให้คำปรึกษา
เทคนิคการให้คำปรึกษา
สามารถนำมาใช้ตั้งแต่เริ่มการสัมภาษณ์วัยรุ่น ขั้นตอน ดังนี้
1. การเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
2. การสำรวจลงไปในปัญหา
หรือสาเหตุที่ทำให้ต้องมาพบกัน
3. สรุปและเลือกประเด็นที่สำคัญร่วมกัน
ที่จะทำงานร่วมกัน
4. ตั้งเป้าหมายในการทำงานต่อไปด้วยกัน
คือการแก้ไขปัญหา
5. การดำเนินการช่วยเหลือ การฝึกฝนทักษะต่างๆ
6. การสรุปและยุติการให้คำปรึกษา
เทคนิคที่ใช้
เทคนิคการให้คำปรึกษา ตามลำดับขั้นมีดังนี้
1. การเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
- การจัดสิ่งแวดล้อม
ห้องตรวจควรความมิดชิด เป็นสัดส่วน ไม่มีเสียงรบกวน
ไม่มีคนเดินผ่านไปมา บรรยากาศมีความสงบและเป็นกันเอง
- ท่านั่ง ควรเป็นลักษณะตั้งฉากกัน ไม่ควรเผชิญหน้ากันตรงๆ เยื้องกันเล็กน้อย ใกล้กันพอที่จะแตะไหล่ได้
- ก่อนการเริ่มต้นสัมภาษณ์
ควรจัดลำดับการสัมภาษณ์ให้ดี (ควรพบวัยรุ่นพร้อมพ่อแม่สั้นๆ
เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเบื้องต้นก่อน หลังจากนั้นจึงขอสัมภาษณ์วัยรุ่นตามลำพัง)
- เปิดการสนทนานำให้เกิดความผ่อนคลาย
เป็นกันเอง(small talk)
2. การสำรวจลงไปในปัญหา หรือสาเหตุที่ทำให้ต้องมาพบ
การรักษาความลับ(confidentiality)
ก่อนการสำรวจลงลึกในประเด็นปัญหา ควรสังเกตท่าที
ความร่วมมือ การเปิดเผยข้อมูล
ว่าวัยรุ่นมีความไว้วางใจแพทย์มากน้อยเพียงไร มีเรื่องใดที่วัยรุ่นยังกังวล เช่นเรื่องการเก็บรักษาข้อมูลของวัยรุ่น
ควรให้ความมั่นใจเรื่องนี้
บริการจัดวางตัวบุคคล
บริการของแนะแนวสำหรับช่วยเหลือผู้เรียนในโรงเรียน เป็นการช่วยเหลือในด้านการพัฒนาบุคคล ในด้านต่างๆ
ในการปัญหาการเรียนรู้ ปัญหาอื่นๆ
ซึ่งอาจจะเป็นความช่วยเหลือในด้านต่างๆ อย่างเช่นการให้ทุนการศึกษา
ดังนั้นการจัดวางตัวบุคคลเป็นบริการที่คอยช่วยเหลือผู้เรียน
ประโยชน์ของบริการจัดวางตัวบุคคล
*ช่วยผู้เรียนที่มีความขาดแคลนทางด้านทุนทรัพย์
ได้รับการช่วยเหลือด้านต่างๆ
*ช่วยเหลือในด้านการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อ
ด้วยวิธีการต่างๆ
*ช่วยสนับสนุนสร้างเสริมประสบการณ์ด้าน ๆ ตามความสนใจของผู้เรียน
*ช่วยเหลือและส่งเสริมความสามารถและทักษะต่าง ๆ
*ช่วยเหลือผู้เรียนที่มีปัญหา
วิธีการจัดบริการจัดวางตัวบุคคล
*จัดสรรทุน
*จัดสรรอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน
*จัดสรรโคต้าศึกษาต่อ
*จัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์
*ติดตามช่วยเหลือผู้เรียน
บริการติดตามและประเมินผล
เป็นรูปแบบการบริการของแนะแนวสำหรับคอยติดตามผลในเรื่องต่างๆ อย่างเช่นติดตามผลนักเรียนที่จบจากสถานศึกษา
และบันทึกส่งสถานศึกษาเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้อง
เพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงส่วนที่บกพร่องและเรื่องราวอื่นๆ ที่ต้องการติดตามและประเมินผล
ดังนั้นบริการแนะแนวในบริการด้านนี้จึงเป็นงานที่หนักเช่นกัน
สำหรับงานติดตามผลและประเมินผลนั้นสามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกรูปแบบได้
ประโยชน์ของบริการติดตามและประเมินผล
*ทราบความความสำเร็จของผู้เรียน
*ช่วยเหลือผู้เรียนตามความเหมาะสม
*เป็นข้อมูลการพิจารณาวางแผนการบริหารการศึกษาในโรงเรียน
*เป็นข้อมูลพิจารณาความสำเร็จของการจัดการศึกษา
*เป็นข้อมูลตรวจสอบข้อบกพร่องของการจัดการศึกษา
วิธีการติดตามและประเมินผล
*แบบสอบถาม
*โทรศัพท์
*จดหมาย
*แบบสำรวจ
*ปัจจุบันนิยมสำรวจผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของสถาบันศึกษานั้นๆ